Monday, March 14, 2011

ตายก่อนตาย

กวีนิพนธ์ของท่านพุทธทาสภิกขุ
 
ตายก่อนตาย
ตายเมื่อตายย่อมกลายไปเป็นผี ตายไม่ดีได้เป็นที่ผีตายโหง

ตายทำไมเพียงให้เขาใส่โลง ตายโอ่โถงนั้นคือตายเสียก่อนตาย

ตายก่อนตายมิใช่กลายไปเป็นผี แต่กลายเป็นสิ่งที่ไม่สูญหาย

ที่แท้คือความตายที่ไม่ตาย มีความหมายไม่มีใครได้เกิดแล

คำพูดนี้ผันผวนชวนฉงน เหมือนเล่นลิ้นกลาวนคนโกหก

แต่เป็นความจริงอันไม่ผันแปร ใครคิดแก้อรรถได้ไม่ตายเอย./

   เรื่องตายเสียก่อนตาย นับเป็น 'ปริญญาเอกจากสวนโมกข์' ที่ท่านพุทธ

ทาสภิกขุนำมาสอนอย่างค่อนข้างถี่ในช่วงหลังแห่งชีวิตของท่านจนเป็นที่

รู้จักกันแพร่หลาย และตัวท่านเองก็ใช้ชีวิตทั้งหมดพิสูจน์ในสิ่งที่ท่านสอน

ให้คนทั่วไปได้ประจักษ์ว่าการตายเสียก่อนตายนั้นเป็นไปได้จริงไม่ใช่เรื่อง

เลื่อนลอย

   ว่าโดยเนื้อหา การตายเสียก่อนตายก็คือเรื่อง การบรรลุนิพพานได้ในชีวิต

นี้นั่นเอง ก่อนหน้าท่านพุทธทาสขึ้นไป คนไทยที่เป็นชาวพุทธมีความเชื่อ

ว่า การบรรลุพระนิพพานคงต้องรอหลังจากตายแล้ว และต้องเวียนว่ายตาย

เกิดกันอีกหลายภพชาติจึงจะลุถึงภาวะพระนิพพาน ดังเมื่อมีการทำบุญเสร็จ

แล้ว และจะตั้งจิตอธิษฐานก็มักอธิษฐานกันว่า 'นิพพานปัจจโย โหตุ เม

อนาคตกาเล' (ขอให้บุญที่ข้าพเจ้าทำไว้จงเป็นปัจจัยให้บรรลุพระนิพพาน

ในอนาคตกาลโน้นเทอญ) ทั้งๆ ที่คนสมัยพระพุทธเจ้าท่านไม่อธิษฐานกัน

อย่างนี้ หากแต่อธิษฐานว่า 'ตุมเหหิ ทิฏฐธัมมัสสะ ภาคี โหมิ' (ขอให้

ข้าพเจ้าเป็นผู้มีส่วนได้รู้แจ้งเห็นจริงในธรรมที่ท่านได้บรรลุแล้วด้วยเถิด)

ต่อมาท่านพุทธทาสภิกขุเห็นว่า การเชื่อและสอนกันอย่างนี้ไม่ตรงตามพุทธ

พจน์ ท่านจึงสอนเสียใหม่ทั้งในรูปของกวีนิพนธ์อีกหลายบทที่มีเนื้อหา

ทำนองนี้และในรูปของคำบรรยาย และหนังสืออีกหลายสิบเล่ม มาถึงยุค

สมัยของพวกเรา ความเชื่อ และความรับรู้เกี่ยวกับพระนิพพานได้รับการเน้น

ย้ำและสานต่อให้ชัดเจนขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมว่าสามารถเป็นไปได้ในชีวิตนี้

โดยพระธรรมปิฎก (ป.อ.ปยุตโต) และหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ หลวงพ่อ

ชา สุภัทโท เป็นต้น

การที่ชาวพุทธส่วนใหญ่เริ่มมองเห็นว่าภาวะพระนิพพานไม่ได้เป็นเรื่องของ

โลกหลังความตายและไม่ได้อยู่ไกลถึงในอนาคต หากแต่อยู่ที่นี่ และเดี๋ยว

นี้ [HEAR and NOW] ทุกคนสามารถเข้าถึงได้โดยไม่จำกัดเพศ วัย

ชาติ ศาสนา ภาษา ผิวพรรณ วัฒนธรรม คงต้องยกความดีนี้ถวายเป็นอาจาริ

ยบูชาว่าเป็นเพราะการบุกเบิกอย่างสร้างสรรค์และเป็นผลงานชิ้นเยี่ยมของ

ท่านพุทธทาสภิกขุโดยแท้

   นี่หากไม่ได้ ไม้ซีก (คำของท่านเอง) อย่างท่านพุทธทาสภิกขุที่อาสามา

เป็นไม้ซุงคอยงัดกับการสอนพุทธศาสนาแนวจารีตแต่โบราณกาลที่ให้

ความสำคัญต่อความเชื่อ (ศรัทธา) และการฟังตามกันมาอย่างเป็นด้าน

หลักแล้วละก็ ชาวพุทธไทยในบัดนี้เวลาทำบุญอาจยังต้องอธิษฐานให้บรรลุ

นิพพานในอนาคตกาลชาติหน้ากันอยู่ต่อไปอีกนานนับนานโดยหารู้ไม่ว่า

พระนิพพานอันเป็นบรมธรรมและอุดมการณ์สูงสุดของพุทธศาสนานั้นอาจ

เกิดขึ้นได้ ที่นี่ เดี๋ยวนี้ และกับคนทุกคนโดยไม่เกี่ยวกับการบวชหรือไม่บวช

แต่อย่างใดทั้งสิ้น

No comments:

Post a Comment

Popular Posts