Monday, March 14, 2011

คำสอนจากสวนโมกข์(หลวงพ่อพุทธทาส)

ฟ้าสางทางความลับสุดยอด

  • ชีวิตเป็นสิ่งที่พัฒนาได้ ตามประสงค์ โดยกฏอิทัปปัจจยตา
    ดังนั้น ชีวิตจึงเป็นสิ่งที่เราเติมธรรมะลงไปได้ตามที่เราต้องการ
    โดยการปฏิบัติธรรม. (๑)
  • ถ้ามีการศึกษาที่เห็นแจ้งจากภายใน (เป็นสันทิฏฐืโก) แล้ว
    ก็ไม่มีทางที่จะเป็นทาสทางสติปัญญาของใคร แม้แต่ของพระพุทธเจ้า:
    นี้เป็นหลักของพระพุทธศาสนา (ตามกาลามสูตรข้อสิบ) (๒)
  • ถ้าใช้หลักกาลามสูตรเป็นเครื่องตัดสินว่า
    เป็นสิ่งที่ควรรับถือเป็นหลักปฏิบัติแล้ว
    ก็ไม่ต้องคำนึงว่าเป็นคำสอนของใคร
    เป็นของเดิมแท้หรือเป็นของใหม่ ฯลฯ
    หรือว่ามีประวัติมาอย่างไร (๓)
  • การมีธรรมะแท้จริง ก็คือ
    สามารถดำรงตนอยู่เหนือปัญหา
    หรือความทุกข์ทั้งปวง;
    ไม่เกี่ยวกับปริญญาบัตร ฯลฯ พิธีรีตอง
    หรือ หลักปรัชญาชนิดฟิโลโซฟี่ใดๆ (๔)
  • เรามีวิธีทำให้ชีวิตเป็นของเย็น
    ทุกอิริยาบถตามที่เราประสงค์จะมี
    ไม่ว่าในรูปแบบใดๆ :
    เพื่อตนเอง - เพื่อสังคม - ตามธรรมชาติล้วนๆ (๕)
  • การศึกษา - ศาสนา - วัฒนธรรม - ประเพณี -
    การเมือง - การปกครอง - การเศรษฐกิจ - ศิลปะ ฯลฯ -
    วิทยาการใดๆ จะถือว่าถูกต้องได้
    เฉพาะเมื่อพิสูจน์การดับทุกข์ได้ในตัวมันเอง (๖)
  • การเรียน - การรู้ - การมีความรู้ - การปฏิบัติ -
    การใช้ความรู้ให้สำเร็จประโยชน์ เหล่านี้
    มิใช่สิ่งเดียวกัน; ระวังการมี การใช้ ให้ถูกต้อง (๗)
  • ชีวิตเย็นเป็นนิพพาน ในปัจจุบัน คือ
    ไม่มีกิเลส เกิดขึ้นแผดเผาให้เร่าร้อน ทุกเวลานาที ทุกอิริยาบถ,
    ในความรู้สึกอย่างสันทิฏฐิโก (คือรู้สึกอยู่ภายในใจ) (๘)
  • มีชีวิตเย็นเป็นนิพพาน (นิพฺพุโต) ในปัจจุบันได้
    โดยที่ทุกอย่างถูกต้องแล้ว พร้อมแล้ว ไม่ว่าสำหรับจะตายหรือจะอยู่;
    เพราะไม่มีอะไรยึดถือไว้ว่า กู-ของกู (๙)
  • กิจกรรมทางเพศเป็นของร้อน และเป็นเรื่อง "บ้าวูบเดียว";
    แต่คนและสัตว์ (แม้ต้นไม้?) ก็ตกเป็นทาสของมันยิ่งกว่าสิ่งใด (๑๐)
  • อวัยวะสืบพันธุ์ มีไว้สำหรับผู้ต้องการสืบพันธุ์
    หรือผู้ต้องการรสอร่อยจากกามคุณ (กามอสฺสาท)
    อันเป็นค่าจ้างให้สัตว์สืบพันธุ์ ด้วยความยากลำบากและน่าเกลียด;
    แต่ไม่เป็นที่ต้องการของผู้จะอยู่อย่างสงบ (๑๑)
  • เรื่องเพศหรือเกี่ยวกับเพศ
    ธรรมชาติสร้างมาสำหรับมนุษย์ - สัตว์ - พฤกษชาติ ไม่สูญพันธุ์ ;
    ไม่ใช่ของขวัญที่ใครจะเรียกร้อง
    ไม่ใช่ของควรบูชาในฐานะสิ่งสูงสุด ว่าเป็นกามเทพ เป็นต้น (๑๒)
  • กามารมณ์เป็นค่าจ้างทางเพศ เพื่อการสืบพันธ์
    อันสกปรกเหน็ดเหนื่อยและน่าเกลียดจากธรรมชาติ,
    มิใช่ของขวัญ หรือ หรรษทานจากเทพเจ้าแต่ประการใด
    เลิกบูชากันเสียเถิด (๑๓)
  • กามกิจก็เป็นหน้าที่ที่เป็นธรรมะอย่างหนึ่งด้วยเหมือนกัน;
    แต่ต้องประพฤติกันอย่างถูกต้องและพอดี สำหรับอริยชนที่ครองเรือน (๑๔)
  • การสมรสด้วยจิตหรือทางวิญญาณ (เช่น ทิฏฐิตรงกัน) นั้น
    เป็น "พรหมสมรส" ยังบริสุทธิ์ สะอาดดี ไม่ก่อให้เกิดทุกข์หรือปัญหาใดๆ ;
    ส่วนการสมรสทางกาย หรือเนื้อหนัง นั้น
    สกปรก น่าเกลียด เหน็ดเหนื่อยเกินไป
    จนไม่รู้ว่าอะไรเป็นการสมรส (๑๕)
  • กามที่เกี่ยวกับเพศ เป็นได้ทั้งเทพเจ้าและปีศาจ
    ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ประกอบกิจนั้น มีธรรมะผิดถูกมากน้อยเพียงไร (๑๖)
  • พวกที่ถือพระเจ้า ถือว่าอะไรๆ ก็แล้วแต่พระเจ้าบันดาล
    ส่วนชาวพุทธถือว่าแล้วแต่การกระทำผิดหรือถูก ต่อกฏอิทัปปัจจยตา;
    ดังนั้นควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับคำว่า "พระเจ้า" กันเสียใหม่ให้ถูกต้อง
    คือมีทั้งที่มีความรู้สึกอย่างบุคคล และไม่มีความรู้สึกอย่างบุคคล
    อย่างไหนจะเป็นที่พึ่งได้และยุติธรรม ไม่รับสินบน (๑๗)
  • พระเจ้าคือสิ่งสูงสุดนั้น ไม่ดี-ไม่ชั่ว แต่อยู่เหนือดีเหนือชั่ว
    จึงสามารถให้เกิดความหมาย ว่าดี ว่าชั่ว
    ให้แก่ความรู้สึกของมนุษย์ได้ทุกอย่าง จนงงไปเอง (๑๘)
  • พระเจ้า คือ กฏ สำหรับบังคับสิ่งที่เกิดจากกฏให้ต้องเป็นไปตามกฏ
    โดยเด็ดขาด และเที่ยงธรรม;
    ดังนั้น พระเจ้าจึงอยู่เหนือสิ่งทั้งปวงได้จริง (๑๙)
  • พระเจ้าเป็นที่รวมแห่งความจริง
    มิใช่แห่งความดี ซึ่งเป็นสิ่งที่ยังหละหลวม และเป็นมายาอยู่มาก
    จนต้องเป็นคู่กันกับความชั่ว;
    ถ้าพระเจ้าเป็นความดี ก็จะกลายเป็นคู่กันกับซาตานหรือมารร้ายไปเสียฯ (๒๐)

No comments:

Post a Comment

Popular Posts